ติดฟิล์มลามิน่า บูสต์ชีวิตให้เป็น 1 กับโลกดิจิทัล - Boost Up your Life

ติดฟิล์มรถยนต์ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง?

SHARE
ติดฟิล์มรถยนต์ ราคาเท่าไหร่
 
ต้องบอกเลยว่า ฟิล์มกรองแสง ในบ้านเรา มีการตั้งราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่น แน่นอนว่าที่ราคาแตกต่างกันก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ต่างกันด้วย และสำหรับลามิน่าฟิล์ม เรามีฟิล์มหลากหลายรุ่นด้วยกันถึง 11 ซีรีย์ ไม่ว่าจะเป็น
 
  • Lamina EV Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ AiCeramic+ 100% เพื่อยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ
  • Lamina EVS Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ NanoCM-Multiplex ประหยัดพลังงาน เพื่อรถ EV ยุคใหม่
  • Lamina Digital Special Boost Series ฟิล์มใสกันร้อนสูง เพื่อยานยนต์ลักซ์ชัวรี่ Lamina Ceramatrix Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ SuperCeramic แท้ 100% คุณภาพอันดับ 1
  • Lamina CM One Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ DigitalHybrid 100% เพื่อยานยนต์ 5G ยุคใหม่ป้ายแดง
  • Lamina CM Icon Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ DigitalMatrix 100% เพื่อยานยนต์อัจฉริยะยุค 5G
  • Lamina Mystery Boost ฟิล์มดิจิทัลบูสต์ DigitalXtreamer ถนอมสุขภาพผิวและดวงตา 
  • Lamina Digital Genius Boost Series ฟิล์มอัจฉริยะหลากสีสันกันร้อนสูง
  • Lamina Digital Executive Boost Series ฟิล์มกันร้อนคุณภาพเพื่อรสนิยมระดับผู้นำ
  • Lamina Digital Pop Boost Series ฟิล์มกันร้อนยอดนิยมคุณภาพสูง
 
ถ้าอยากรู้ว่าติดฟิล์มรถยนต์กับลามิน่า ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ แบบไหนจะเหมาะกับงบประมาณของคุณ ตามอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความนี้ได้เลยครับ


 เลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจ
 
 

ที่ลามิน่า ติดฟิล์มรถยนต์ราคาเท่าไหร่ ?

สำหรับราคาติดฟิล์มรถยนต์จาก Lamina Films เมื่อติดฟิล์มบานหน้าและรอบคัน สำหรับรุ่น Pop Boost Series, Genius Boost Series และ Executive Boost Series เริ่มต้นที่ 8,000 - 12,900 บาท ฟิล์มกลุ่มคุณสมบัติพิเศษ ทั้งฟิล์มใสกันร้อนและฟิล์มกรองแสงถนอมสายตา (Special Boost Series, Mystery Series) ราคาเริ่มต้นที่ 13,800 - 37,900 บาท  ฟิล์มดิจิทัล (รุ่น CM ICON Boost, CM ONE Boost) ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 15,500 - 34,000 บาท และสำหรับกลุ่มฟิล์มเซรามิคไฮบริด+เซรามิคแท้ 100% (รุ่น EV Boost, EVS Boost, Ceramatrix Boost) ราคาเริ่มต้นที่ 23,500 - 41,000 บาท และลำดับสุดท้ายฟิล์มเซรามิคนิรภัย (รุ่น Ceramatrix Safety) ราคาเริ่มต้นที่ 31,000 - 41,500 บาท ครับ
  
 
ราคามาตรฐานติดฟิล์มลามิน่ากระจกบานหน้า-รอบคัน ดูได้จากตารางด้านล่างนี้ได้เลย
รุ่นฟิล์ม ราคาเริ่มต้น1
ฟิล์มบานหน้า
ราคาเริ่มต้น1
ฟิล์มกระจกข้าง-หลัง
ราคาเริ่มต้น1
รวมรอบคัน
EV Boost 10,000 บาท 21,000 บาท 31,000 บาท
EVS BOOST 6,500 บาท 17,000 บาท 23,500 บาท
Ceramatrix Safety 9,500 บาท 21,500 บาท 31,000 บาท
Ceramatrix BOOST 8,500 บาท 19,500 บาท 28,000 บาท
CM ONE BOOST 6,500 บาท 15,400 บาท 21,900 บาท
CM ICON BOOST 5,000 บาท 10,500 บาท 15,500 บาท
Special Boost Series2 4,000 บาท 9,800 บาท 13,800 บาท
Mystery BOOST 4,000 บาท 9,800 บาท 13,800 บาท
Genius Boost Series 2,500 บาท 5,500 บาท 8,000 บาท
Executive Boost Series 2,500 บาท 5,500 บาท 8,000 บาท
Pop Boost Series 2,500 บาท 5,500 บาท 8,000 บาท
  
 ขอแนะนำ    ระบบประเมิณราคาติดฟิล์มรถยนต์ลามิน่า สะดวกสบายสุดๆ ! เพียงคลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างนี้ ใส่รายละเอียดชื่อรุ่นรถ และรุ่นฟิล์มที่คุณสนใจ ระบบก็จะประเมินราคามาตรฐาน (ไม่รวมค่าลอกกาว และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ให้ทันที ลองเลย
 
 
 

เปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ ราคา คิดยังไง

เปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ ราคา คิดยังไง

กรณีที่คุณต้องการเปลี่ยนฟิล์มเดิมซึ่งติดตั้งมากับรถอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพราะฟิล์มเดิมหมดอายุการใช้งาน หรือเพราะต้องการอัพเกรดฟิล์มเดิมที่ติดมาจากโชว์รูม การคิดราคานั้น นอกจากราคาฟิล์มกรองแสงแล้ว อาจะมีการบวกค่าบริการเพิ่มเติมเล็กน้อย ดังนี้ครับ
  • กรณีเปลี่ยนฟิล์มจากแบรนด์อื่นมาเป็นฟิล์มลามิน่า 
นอกจากในส่วนของราคาฟิล์มมาตรฐานแล้ว ทางร้านฟิล์มอาจคิดค่าลอกฟิล์มเพิ่มเติมครับ ซึ่งจะคิดไปตาม ความยาก-ง่ายในการลอกฟิล์ม และขนาดของกระจกแต่ละบานของแต่ละรุ่นรถ (รายละเอียดการคิดราคาจะกล่าวในหัวข้อถัดไปด้านล่าง) คิดเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาทครับ 
  • กรณีเคลมฟิล์มลามิน่าในช่วงเวลา 3 ปีแรกหลังติดตั้ง
สำหรับผู้ที่ติดตั้งฟิล์มลามิน่า หากพบว่าฟิล์มมีปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากใช้งานหรือการดูแลรักษาฟิล์มที่ผิดวิธี (เช่น ติดฟิล์ม 2 ชั้น, หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดกระจกมีส่วนผสมของแอมโมเนีย เช็ดกระจกด้านในจนฟิล์มเป็นขุย เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติม อ่านได้ที่นี่) ภายใน 3 ปีแรกหลังติดตั้ง การเคลมฟิล์ม/เปลี่ยนฟิล์ม จะไม่เสียค่าบริการติดตั้งฟิล์มใหม่แต่อย่างใดครับ
 

เปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ ใช้เวลาเท่าไหร่?

โดยปกติแล้ว การติดฟิล์มรถยนต์สำหรับรถใหม่ป้ายแดงที่ไม่เคยติดตั้งฟิล์มกรองแสงมาก่อน จะใช้เวลาในการติดตั้งประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงครับ แต่หากรถของท่านมีฟิล์มเก่าติดมาบนกระจกอยู่แล้ว การติดตั้งฟิล์มอาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 2.5 - 3 ชั่วโมง เนื่องจากการเปลี่ยนฟิล์มจะมีขั้นตอนเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นการ “ลอกฟิล์ม หมักกาว และเคลียร์กาว” ออกจากกระจกให้หมดจดซึ่งเป็นขั้นตอนที่ช่างต้องใช้เวลาพอสมควรครับ
 
เปลี่ยนฟิล์มรถยนต์ ราคา
ภาพคราบกาวที่หลงเหลือบนกระจก ขณะลอกฟิล์ม
 
อย่างไรก็ตามลามิน่าอยากแนะนำให้ เจาะจงฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีตั้งแต่ออกรถเลยจะดีที่สุด เพราะเนื่องจากท่านสามารถต่อรองส่วนลดฟิล์มกรองแสงเป็นพิเศษกับเซลล์ขายรถได้โดยตรง ทำให้คุณได้ฟิล์มคุณภาพสูงราคาคุ้มค่า แถมทำให้ไม่ต้องเสียเงิน-เสียเวลานำรถมาลอกฟิล์มเก่าเปลี่ยนฟิล์มใหม่อีกครั้ง ซึ่งเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดกับกระจก ขอบยาง และเส้นไล่ฝ้าได้
 
นอกจากนี้ การติดฟิล์มรถยนต์คุณยังสามารถติดฟิล์มสูตรผสมได้ครับ เช่น บางคันอาจติดฟิล์มที่กระจกรอบคันออกสีเข้มกว่า เพื่อความเป็นส่วนตัวของห้องโดยสาร ในขณะที่กระจกบานหน้าออกโทนสว่างเพื่อทัศนวิสัยการขับขี่ที่มองชัด สบายตา (แต่ถ้าเลือกฟิล์มที่มีเทคโนโลยีพิเศษ เช่นฟิล์มเซรามิค เรื่องทัศนวิสัยก็จะเคลียร์ชัดได้มากกว่าฟิล์มชนิดอื่น เมื่อเทียบระดับความเข้มเท่าๆ กันครับ)
 
โดยราคาการติดตั้งฟิล์มใหม่ หรือการเปลี่ยนฟิล์ม
 สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่

 
  • ราคาสำหรับ กระจกบานหน้า
  • ราคาสำหรับ กระจกรอบคัน หมายถึง กระจกคู่หน้า - คู่หลัง - บานหลัง
  • ราคาสำหรับ กระจกซันรูฟ และบานอื่นๆ สามารถสอบถามกับร้านหรือศูนย์ตัวแทนติดตั้งฟิล์มลามิน่าใกล้บ้านท่าน
     
ฟิล์มเซรามิค Lamina
รถที่ติดฟิล์มลามิน่ากระจกหน้า คนละความเข้มกับกระจกรอบคัน
 

ติดฟิล์มความเข้มเท่าไหร่ดี 40, 60 หรือ 80 ถึงเพียงพอกับการใช้งาน

ก่อนตัดสินใจเลือกรุ่นฟิล์มให้รถ อย่าลืมเชคเรื่องความเข้มของสีฟิล์มว่าความเข้มแค่ไหน ถึงจะเหมาะสมกับการใช้งานของคุณ พบกับ 3 คำถามที่คุณควรตอบตัวเองให้ได้ก่อนตัดสินใจซื้อ พร้อมรูปตัวอย่างความเข้มฟิล์มลามิน่ารุ่นยอดนิยมได้ที่บทความ ติดฟิล์มรถยนต์ 40 60 80 เขียนเจาะลึกเสมือนช่างติดฟิล์มมาให้ข้อมูลเอง รับรองว่ามีเรื่องน่ารู้อีกเพียบ
 
 

ราคาฟิล์มรถ ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง

ราคาฟิล์มรถ ขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง

ท่านผู้อ่านกำลังสงสัยกันอยู่ใช่ไหมละครับ ว่า “ติดฟิล์มรถยนต์ราคาต่างกัน เป็นเพราะอะไรกันแน่?” เรามาดูปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้ราคาของฟิล์มแตกต่างกันซึ่งแบ่งออกได้ 3 ปัจจัย ได้แก่ ประเภทของฟิล์ม เทคโนโลยีการผลิต รวมถึงขนาดกระจกรถยนต์แต่ละรุ่น  โดยรายละเอียดจะเป็นอย่างไร มาดูกันเลยครับ
 

ปัจจัยในด้านของฟิล์ม

ชนิดของฟิล์มถือเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคาครับ โดยซึ่งเรียงลำดับจากราคาถูกไปจนถึงระดับราคาพรีเมียม ตามองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้
 
ราคาติดฟิล์มรถยนต์ลามิน่า
ตัวอย่างโบรชัวร์แสดงราคาฟิล์ม Lamina DigitalBoost®


1.ประเภทของฟิล์ม

1.1. ฟิล์มสี หรือฟิล์มย้อมดำ
เป็นฟิล์มที่มีแค่ชั้นฉาบหรือเคลือบสีเท่านั้น แม้จะมีราคาถูกที่สุด แต่เนื่องจากตัวฟิล์มไม่มีคุณสมบัติการกันร้อนแต่อย่างใด จึงไม่เหมาะกับการท้าแดดเมืองไทยเท่าไหร่ครับ
               
1.2. ฟิล์มเคลือบโลหะ
ใช้วัสดุโลหะในการเป็นตัวเคลือบฟิล์มเพื่อกันความร้อน ด้วยคุณสมบัติของโลหะที่มีความวาว, เงา ทำให้ฟิล์มประเภทนี้มีอีกชื่อเรียกว่า “ฟิล์มปรอท” นั่นเอง มีจุดเด่นที่สามารถกันร้อนได้ดี ในราคาที่ ไม่แพงมาก
 
 1.3. ฟิล์มชาโคล (หรือฟิล์มคาร์บอน)
ใช้ธาตุคาร์บอนเป็นวัสดุหลักในการดูดซับรังสีความร้อนที่จะเข้าสู่ห้องโดยสาร เป็นวัสดุที่มีต้นทุนไม่แพงมาก แต่ให้คุณสมบัติกันร้อนค่อนข้างดี ผ่านสัญญาณได้ จึงมีราคาปานกลาง เหมาะกับผู้ใช้รถทั่วไป
 
1.4. ฟิล์มเซรามิค
เป็นฟิล์มที่ใช้เซรามิคในการเป็นตัวกันความร้อน โดยคุณสมบัติเด่นของฟิล์มชนิดนี้คือ ป้องกันรังสี UV ได้สู ถึง 99% และมีความโดดเด่นในเรื่องมืดนอก สว่างใน และผ่านทุกสัญญาณดิจิทัล 
 
1.5. ฟิล์มใสกันร้อน
ฟิล์มประเภทนี้เป็นฟิล์มชนิดพิเศษที่มีความใสกว่าฟิล์มประเภทอื่นๆ แต่ยังคงมีคุณสมบัติกันความร้อนดีเยี่ยม มักใช้วัสดุกันร้อนระดับพรีเมียมผนึกลงในเนื้อฟิล์ม เช่น เซรามิค โลหะเงินบริสุทธิ์ เป็นต้น จึงมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟิล์มรุ่นทั่วไป
 
1.6. ฟิล์มนิรภัย
เป็นฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมียมที่ใช้กรรมวิธีพิเศษ ผนึกชั้นฟิล์ม 2 ชั้น จนได้ความหนามากกว่าฟิล์มทั่วไป 2 เท่า (4 mil. หรือ 100 ไมครอน) จึงสามารถป้องกันการแตกกระจายของเศษกระจกจากอุบัติเหตุ หรือการทุบโจรกรรมได้อย่างดี (ทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่ ฟิล์มนิรภัย)
 
1.7. ฟิล์มดิจิทัล
ฟิล์มยุคใหม่เพื่อรองรับชีวิตยุค Digital คุณสมบัติเด่นของเนื้อฟิล์มประเภทนี้ คือการที่ฟิล์มไม่ปิดกั้นการวิ่งผ่านของสัญญาณดิจิทัลแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น 5G, WiFi, Radar, Lidar ฯลฯ ที่ส่งผลต่อการทำงานของรถ Smart Car ทั้ง ADAS, OTA Update ทำงานได้อยากเต็มประสิทธิภาพ เป็นฟิล์มกรองแสงระดับพรีเมียมที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการผลิตครับ
 

อยากเห็นภาพตัวอย่างฟิล์มติดตั้งจริงใช่ไหม?

มาชมภาพประกอบสวยๆ ของฟิล์มแต่ละชนิดจาก LAMINA แถมด้วยข้อมูล 5 ปัญหาของฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อฟิล์มให้รถ อ่านเพิ่มเติมได้จากบทความ ฟิล์มรถยนต์ 101 ได้เลยครับ
 
เราได้เห็นประเภทต่าง ๆ ของฟิล์มกันไปแล้วใช่ไหมครับ มาดูอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาฟิล์มรถยนต์กันต่อได้เลย กับในเรื่องของ “เทคโนโลยีในการผลิตฟิล์ม” ซึ่งความต่างในกรรมวิธีการผลิตนี้เองที่ส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการผลิต จึงทำให้ส่งผลทั้งในด้านคุณภาพของฟิล์มที่ผลิตได้ และส่งผลตามไปถึงราคาของฟิล์มรถยนต์ด้วยครับ ตามไปดูกันต่อดีกว่าว่าเทคโนโลยีในการผลิตฟิล์ม จะมีวิธีอะไรบ้าง
 

2. เทคโนโลยีในการผลิตฟิล์ม

ฟิล์มสปัตเตอร์
ภาพกระบวนการทำ Sputtering (ข้อมูลจาก adnano-tek.com)
 
เทคโนโลยีในการผลิตฟิล์มกรองแสง มีเยอะแยะมากมายที่พัฒนาตั้งแต่สมัยก่อน จนมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นอย่างในปัจจุบัน ส่งผลให้การติดฟิล์มรถยนต์ ราคาจึงแตกต่างกัน เป็นเพราะต้นทุนในการผลิตที่ต่างกันนั่นเอง เราขอสรุปให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ดังนี้ครับ
 
2.1. การฉาบสีฟิล์ม (Color Coating Film) 
ผลิตด้วยการนำกาวมาผสมกับสี และนำไปฉาบบนเนื้อฟิล์ม ต้นทุนการผลิตจึงต่ำ ประสิทธิภาพเองก็ต่ำตามมา ฟิล์มชนิดนี้จึงมีราคาที่ถูกมาก ตัวอย่างฟิล์มของประเภทนี้ก็คือ ฟิล์มย้อมสี นั่นเองครับ (ที่ Lamina เราไม่มีฟิล์มชนิดนี้นะครับ) 
 
2.2. การย้อมฝังสีฟิล์มด้วยไอร้อน (Deep Dyeing Film)
ผลิตด้วยการใช้ไอร้อนทำให้สีระเหยกลายเป็นไอแล้วลอยขึ้นไปติดที่แผ่นฟิล์ม ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้โรงงานที่มีมาตรฐาน มีการผลิตที่ซับซ้อนกว่าฟิล์มชนิดแรก ราคาจึงมีราคาสูงขึ้น ตัวอย่างฟิล์มของประเภทนี้ จะเป็นฟิล์มย้อมสีเช่นกันครับ แต่มีคุณภาพความทนทานมากกว่าฟิล์มชนิดแรก (ที่ Lamina เราไม่มีฟิล์มชนิดนี้นะครับ) 
 
2.3. การเคลือบสารด้วยไอร้อน (Thermal Evaporation Coating)
ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้จะเป็นการนำสารกันความร้อนอย่าง โลหะ (เช่น อลูมิเนียม, ทอง, อัลลอย ฯ) หรืออโลหะที่มีจุดเดือดต่ำ มาอยู่ในห้องสุญญากาศ (Vacuum Chamber) และทำความร้อนให้เกิดการระเหิดกลายเป็นไอไปผนึกฝังในเนื้อฟิล์ม ฟิล์มชนิดนี้จึงมีความทนทานและคุณภาพที่ดีขึ้นมาจาก 2 วิธีแรกที่ได้อธิบายไป โดยตัวอย่างของฟิล์มที่ผลิตด้วยวิธีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นฟิล์มโลหะ
 
2.4. การเคลือบฟิล์มด้วยวิธีสปัตเตอริง (Magnetron Sputtering Coating)
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและซับซ้อนที่สุดในอุตสาหหรรมฟิล์มกรองแสงยุคนี้ โดยเป็นการใช้วิธี Sputtering หรือการยิงประจุอิเล็กตรอนภายใต้สนามแม่เหล็ก ไปกระทบอนุภาคของสารกันความร้อนที่ใช้เคลือบฟิล์ม (มักเป็นสารอโลหะ อย่าง Carbon หรือ Ceramic) ทำให้สารนั้นแตกตัวในระดับอะตอม ลอยไปตามแรงผลักของกระแสแม่เหล็กไฟฟ้า จนผนึกฝังเข้าไปในเนื้อฟิล์ม ทำให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด (ฟังแล้วล้ำดีใช่ไหมล่ะ !?) ฉะนั้น ฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีนี้จึงมีราคาค่อนข้างสูง (แพงสุดในบรรดาเทคโนโลยีทั้งหมด แต่ได้คุณภาพที่เลิศสุด ๆ เลยครับ)
 

 
รับชมกรรมวิธีการผลิตฟิล์มจากโรงงาน Eastman ได้ที่นี่เลยครับ
 

ปัจจัยในด้านของรถยนต์

การคิดราคาติดตั้งหรือเปลี่ยนฟิล์ม โดยอ้างอิงปัจจัยจากรถยนต์เองนั้น จะเกิดจาก 2 ประเด็นหลักๆ ด้วยกัน รายละเอียดมีดังนี้
 
1. ยี่ห้อและรุ่นของรถยนต์ (Brand & Car Model) รถแต่ละแบรนด์แต่ละรุ่น มีจำนวนและลักษณะของบานกระจกที่ต่างกัน ทั้งความเรียบ, ความโค้ง หรือองศาความเอียง และเทคโนโลยีภายในตัวรถที่ยิ่งมีความซับซ้อนมากเท่าไร ช่างต้องติดตั้งฟิล์มอย่างระมัดระวังมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลต่อความยาก-ง่ายในการติดตั้ง ทำให้มีผลกับราคาโดยตรงครับ
 
กระจกซันรูฟบานใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Tesla Motor
 
2. ขนาดของรถ (Car Size) ซึ่งมีผลกับการคำนวนราคา เนื่องจากขนาดรถที่ใหญ่ขึ้น ย่อมมาพร้อมกับพื้นที่กระจกที่มากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้จำนวนฟิล์มในการติดตั้งเพิ่มขึ้น ซึ่งทางลามิน่าฟิล์มก็ได้จัดแบ่งไซส์รถไว้เป็น 5 ขนาด ดังนี้
ขนาดของรถ รุ่นรถตัวอย่าง
S Yaris, Vios, Jazz, Mazda 2, March, Honda e, Honda City, Neta V, Pocco DD, Pocco MM, Volt City EV
M Civic, Audi Q3, Haval Jolion, Ora Good Cat, MG EP, MG VS, MG ZS, MG3, Nissan Leaf, Mazda 3, Altis, New HRV, CHR, CROSS, BYD Atto3
L Accord, Camry, MG HS, CRV, Fortuner, BMW Series3, CX5, Mu-X, Pajero, MG6, C-Class, Porsche 911, Haval6, BMWi3, Volvo XC40, Volvo S60, Lexus UX, Tesla Model S, Tesla Model3
XL BMW Series 5, BMW iX, Ferrari, Lambroghini, Benz S-Class, Audi Q7, Audi E-tron, Audi E-trion GT, Porsche Cayenne, Volvo S80, V70, XC90,  Luxus LS, Luxus ES, Laguar I-Pace, Ferrari SF 90, McLaren Artura, Mercedes Benz EQS, Aventador, Tesla Model Y. Tesla Model X
XXL Stepwagon Spada, H1, Alphard, Benz Vito
 
 

ก่อนเลือกซื้อฟิล์ม ควรรู้จักการอ่านค่าต่างๆ เหล่านี้ก่อน!

ก่อนเลือกซื้อฟิล์ม ควรรู้จักการอ่านค่าต่างๆ เหล่านี้ก่อน!

ถ้าคุณได้มีโอกาสหยิบโบรชัวร์ฟิล์ม หรือใบสเปคฟิล์มขึ้นมาดูสักใบ จะเห็นได้ว่า ข้อมูลที่แสดงภายในหน้ากระดาษนั้น จะมีทั้งข้อมูลบรรยายเกี่ยวกับความโดดเด่นของฟิล์มรุ่นนั้น ๆ และอาจจะเห็นตารางบางอย่าง ที่แสดงตัวเลขรุ่น Series กับค่าต่าง ๆ เยอะแยะเต็มไปหมด … แล้วแต่ละค่ามันคืออะไร? หมายถึงอะไร? … ตามมาดูเฉลยกันเลยครับ

ตัวอย่างตารางสเปกฟิล์มลามิน่ารุ่น : Lamina Digital Pop Boost Series
รุ่นฟิล์ม สี การลดความร้อนจากแสงแดด
(TSER)
การลดความร้อนจาก
สปอตไลท์ 
แสงส่องผ่าน
(VLT)
การสะท้อนแสง
(VLR)
การลดรังสี UV
POP20RBBSRPS สีนิวทรัล บรอนซ์ 57% 74% 20% 7% 99%
POP20RBGSRPS สีนิวทรัล กรีน 56% 72% 20% 8% 99%
POP20NSRPS สีนิวทรัลดีพ 60% 77% 27% 25% 99%
POP20RBBSRPS 
สี สีนิวทรัล บรอนซ์
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 57%
การลดความร้อนจากสปอตไลท์ 74%
แสงส่องผ่าน (VLT) 20%
การสะท้อนแสง (VLR) 7%
การลดรังสี UV 99%
POP20RBGSRPS 
สี สีนิวทรัล กรีน
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 56%
การลดความร้อนจากสปอตไลท์ 72%
แสงส่องผ่าน (VLT) 20%
การสะท้อนแสง (VLR) 8%
การลดรังสี UV 99%
POP20NSRPS
สี สีนิวทรัลดีพ
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 60%
การลดความร้อนจากสปอตไลท์ 77%
แสงส่องผ่าน (VLT) 27%
การสะท้อนแสง (VLR) 25%
การลดรังสี UV 99%

= สัญลักษณ์แสดงถึงรุ่นฟิล์มที่ผ่านการทดสอบการใช้งานสัญญาณ Easy Pass
 

ตัวอย่างตารางสเปกฟิล์มลามิน่ารุ่น : Lamina Digital EVS Boost
รุ่นฟิล์ม การลดความร้อนจากแสงแดด
(TSER)
แสงส่องผ่าน
(VLT)
การสะท้อนแสง
(VLR)
การลดรังสี UV การรองรับสัญญาณ
ดิจิทัลบูสต์
EVS 35 46% 36% 10% 99% 99.99%
EVS 15 50% 16% 6% 99% 99.99%
EVS 05 64% 6% 8% 99% 99.99%
EVS 35
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 46%
แสงส่องผ่าน (VLT) 36%
การสะท้อนแสง (VLR) 10%
การลดรังสี UV 99%
การรองรับสัญญาณดิจิทัลบูสต์ 99.99%
EVS 15
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 50%
แสงส่องผ่าน (VLT) 16%
การสะท้อนแสง (VLR) 6%
การลดรังสี UV 99%
การรองรับสัญญาณดิจิทัลบูสต์ 99.99%
EVS 05
การลดความร้อนจากแสงแดด (TSER) 64%
แสงส่องผ่าน (VLT) 6%
การสะท้อนแสง (VLR) 8%
การลดรังสี UV 99%
การรองรับสัญญาณดิจิทัลบูสต์ 99.99%
ตัวอย่างสเปคฟิล์มที่มีเทคโนโลยี DigitalBoost®
 
 

1. ค่าการลดความร้อนจากแสงแดด

หรือในชื่อภาษาอังกฤษ คือ Total Solar Energy Rejected (TSER) เป็นค่าที่แสดงถึงประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนจากแสงแดดโดยตรง คือกันได้ท้ังความร้อนจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet),  ความร้อนจากแสงสว่าง (Visible Light) และความร้อนจากรังสีอินฟราเรด (Infrared) ดังนั้น หากตัวเลขค่านี้ยิ่งสูง ยิ่งหมายถึงว่าฟิล์มกรองแสงสามารถกันความร้อนโดยรวมได้ดี (อ่านเพิ่มเติมเรื่องของ เกร็ดความรู้เกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์)
 

2. ค่าการลดความร้อนจากสปอตไลท์

เป็นค่าที่ทดสอบการลดความร้อนของฟิล์มกับแสงจากสปอตไลท์ ซึ่งมีส่วนประกอบของรังสีที่ให้ความร้อนต่างจากแสงอาทิตย์อย่างสิ้นเชิง โดยมีสัดส่วนของรังสีอินฟราเรด (IR) มากกว่า จึงทำให้ตัวเลขค่าการลดความร้อนจากสปอตไลท์มักจะสูงมาก ๆ ระดับ 80 - 90%  ถึงแม้จะเป็นค่าที่ให้ตัวเลขกันร้อนเย้ายวนใจ แต่ต้องไม่ลืมว่า เราขับรถใต้แสงอาทิตย์ ไม่ใช่แสงสปอตไลท์นะครับ
 
หลอดไฟวัด infrared
ภาพตัวอย่าง หลอดไฟสปอตไลท์ ที่ใช้วัดค่า IR (Infrared Radiation)
 

3. แสงส่องผ่าน

 Visible Light Transmitted (VLT) คือ ตัวเลขที่บอกถึงปริมาณแสงสว่างที่สามารถส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามาได้ ถ้า % ยิ่งน้อย หมายถึง สีฟิล์มจะเข้มมากขึ้น แสงสว่างก็จะยิ่งผ่านเข้ามาได้น้อยครับ (Lamina ไม่แนะนำให้ติดตั้งฟิล์มที่มีค่าแสงส่องผ่านน้อยกว่า 30% ที่กระจกบานหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสายตาหรือขับรถเวลากลางคืนบ่อยๆ นะครับ)
 

4. การลดรังสี UV

UV Light Rejected (UVR) เป็นค่าที่บ่งบอกว่าฟิล์มกรองแสงรุ่นนี้กันรังสี UV ได้มากน้อยแค่ไหน โดยที่หากค่าตัวเลขยิ่งมาก หมายถึงยิ่งกันรังสี UV ไม่ให้เข้าสู่ห้องโดยสารได้มากนั่นเองครับ
 

5. การสะท้อนแสง

Visible Light Rejected (VLR) เป็นค่าที่แสดงถึงความสามารถในการสะท้อนแสงของฟิล์ม ยิ่งสะท้อนมาก ความเงาของฟิล์มกรองแสงก็จะยิ่งมาก แต่ถ้าค่า % การสะท้อนแสงน้อย ก็จะหมายถึง ฟิล์มที่มีความเงาต่ำ ไม่สะท้อนคล้ายกระจกเงาเมื่อมองจากภายนอกนั่นเอง (Lamina ไม่แนะนำให้ติดตั้งฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงสูงกว่า 20% บนกระจกบานหน้า เนื่องจากจะสะท้อนเงาคอนโซลในเวลากลางคืนค่อนข้างชัด ส่งผลต่อทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับขี่ครับ)
 
รู้หรือไม่!? ฟิล์มรถยนต์สะท้อนแสงสูงมีข้อจำกัดอะไร

รีวิว ฟิล์มปรอท
 
ฟิล์มที่มีค่าสะท้อนแสงสูง มักจะกันความร้อนจากแสงแดดจริงได้ดี แต่ก็แลกมากับการที่ฟิล์มจะมีความเงามาก (จนได้อีกชื่อเรียกว่าเป็น ฟิล์มปรอท) ในอดีตเป็นที่นิยมมาก แต่ปัจจุบันตลาดถูกทดแทนด้วยฟิล์มเซรามิค ที่ถึงแม้จะสะท้อนแสงต่ำแต่ยังกันร้อนดีเยี่ยมไม่แพ้ฟิล์มโลหะ
 
 

สรุป

ติดฟิล์มรถยนต์ราคาเท่าไหร่? ขึ้นอยู่กับปัจจัยทั้งในด้านของฟิล์มเอง ว่าเป็นฟิล์มประเภทไหน? มีเทคโนโลยีการผลิตฟิล์มมาอย่างไร? มีุคณสมบัติในด้านใดบ้าง และปัจจัยในด้านของตัวรถยนต์ ว่าเป็นรถยนต์แบรนด์อะไร? รุ่นอะไร? ขนาดเท่าไหร่? เพราะจะส่งผลกับความยากง่ายในการติดตั้งและปริมาณแผ่นฟิล์มที่ต้องใช้ในการติดตั้งนั่นเอง สำหรับที่ลามิน่าฟิล์ม4ของเรา มีฟิล์มกรองแสงรถยนต์ให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายราคา ถ้าสนใจรุ่นไหน สามารถติดต่อมาสอบถามทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย
 
ถ้ายังไม่รู้ว่าติดฟิล์มแบบไหนดี? 
ลองมาจำลองติดฟิล์มกัน..คลิ๊กเลย
 


สสอบถามเพิ่มเติมติดต่อลามิน่าสำนักงานใหญ่ได้ที่



โทร. 02-422-2345
Facebook : https://www.facebook.com/LaminafilmsHQ
LINE : https://lin.ee/ot1aDYm
1. เป็นราคาเริ่มต้นที่คำนวณจากรถไซส์ S เท่านั้น หากต้องการเช็คราคาติดฟิล์มรถยนต์เพิ่มเติม สามารถสอบถามศูนย์ตัวแทนติดตั้งฟิล์ม Lamina Films และ Lamina Exclusive Shop ใกล้บ้านท่าน (หรือโทร 02 422 2345)
2. ราคาเริ่มต้นเฉพาะฟิล์มใสรุ่น L20N Special, L60GN Special / ส่วนรุ่น Lamina L Special รุ่นอื่นๆ สามารถตรวจสอบราคาได้ที่นี่
3. สำหรับ Carbon และ Ceramic เป็นอโลหะที่มีจุดเดือดสูงกว่าจุดเดือดของโลหะถึง 4-5 เท่า โดยจุดเดือดของ Carbon และ Ceramic สูงถึงกว่า 2,000°C (อ้างอิงข้อมูลจาก Wikipedia : Ultra-high-temperature ceramics ที่กล่าวถึงข้อมูลของ Ceramic) ส่วนจุดเดือดของโลหะ อยู่ที่ประมาณ 250°C (อ้างอิงข้อมูลจาก textbooks.elsevier.com ที่ได้กล่าวถึงเรื่องจุดเดือดของ Ceramic และโลหะทั่วไป)
4. ฟิล์มลามิน่าทุกรุ่นได้รับมาตรฐาน ISO 9001 และได้มาตรฐานระดับโลก ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานวิธีการของ ASTM, IWFA, AIMCALและ ASHRAE รับประกันคุณภาพหลังการขายตลอด 7 ปีเต็ม